เปลี่ยนห้องนอน ให้เป็นห้องฟังเพลงระดับเทพ
สวัสดีครับวันนี้กลับมาพบกันอีกเช่นเคย กับการพาไปติดตั้งชุดสตูดิโอ สำหรับวันนี้พิเศษหน่อยครับ โดยเราได้รับโอกาสจาก “คุณตี้” ให้จัดชุดอุปกรณ์เครื่องเสียงพร้อมติดตั้ง สำหรับการฟังเพลง ทางเราไม่รอช้า จึงเดินทางไปติดตั้งกันครับ ไปชมกันเลย
ห้องที่จะทำกันเป็น ห้องนอนส่วนตัวของคุณตี้ครับ โดยปัญหาส่วนตัวห้องคือ มีเพดานที่ค่อนข้างสูง และกว้าง จึงทำให้เสียงกระจายไปทั่วห้องพอสมควรครับ ก่อนอื่นก็หามุมที่จะติตั้งก่อนเลยครับ โดยเลือกจุดที่มุมห้องตั้งขนานกัน เพื่อจะได้แก่ปัญหาการกระจายเสียงให้ง่ายขึ้นครับ
FOCAL SOLO6
โดยพระเอกลำโพงที่เราเลือกใช้ในวันนี้คือ FOCAL รุ่น SOLO6 ที่ผลิตด้วยวัสดุเนื้อไม้ล้วน ผสมกับแมกนีเซียมเฉพาะตรงขอบลำโพงเท่านั้น เหมาะสำหรับแนวเพลงที่หลากหลายตามโจทย์ของคุณตี้ เพราะตัวนี้ให้เสียงที่คมชัด และลึกมากๆ โดยตัวนี้ยังเป็นรุ่นสีพิเศษลิมิเต็ด ซะด้วยครับ ใครไฟล์เสียงดีไม่ดีก็วัดกันไปเลยครับ ชัดเจนตรงประเด็น สนนราคาตัวนี้ต่อคู่ ก็แสนนิดๆครับ ขนาดผู้เขียนยังแอบฟิน ในเสียงของลำโพงเบาๆในใจเลยครับ ลึก!!!
Prime Acoustic Recoil Stabilizer
พระรองที่จะขาดไม่ได้เลยสำหรับงานนี้คือ ตัว “Recoil Stabilizer” อุปกรณ์รองรับลำโพงเพื่อลดการสั่นสะเทือน และทำให้ลำโพงเหมือนอยู่ในสภาวะสูญญากาศ ให้เสียงเบสและเสียงต่างๆไม่ถูกปรับเปลี่ยนไปตามการสั่นสะเทือนของลำโพงกับพื้นวัตถุที่วาง ถ้ามีเจ้าตัวนี้คุณจะได้ยินเสียงจริง จากลำโพงตัวนี้โดยไม่โดน Color ใดๆครับ
สายสัญญาณมีส่วนสำคัญอย่างมากในการส่งสัญญาณระหว่าง แหล่งเสียงเข้าไปที่ตัวลำโพงครับ โดยเราเลือกใช้สายสัญญาณคุณภาพ ยี่ห้อ “Franken Cable” งานสายคุณภาพระดับโลกแต่ราคาไทยครับ โดยเราทำสายพิเศษ สำหรับให้คุณตี้ สามารถเสียบจากตัว Audio Interface เข้าที่ iPhone ได้เลย ยังไงต้องขอขอบคุณ
“Franken Cable” มากๆครับ ที่ทำผลิตภัณฑ์คุณภาพในราคาไทยๆให้เราได้ใช้กันครับ
Presonus iTwo
เอาละต่อไปก็เซ็ตอัพ ตัว Audio Interface โดยเราเลือกใช้ Presonus iTwo อุปกรณ์แปลงสัญญาณเสียงจากคอมพิวเตอร์ AD/DA มาตรฐาน ในราคาเบาๆครับ ที่เลือกใช้เจ้าตัวนี้เพราะมันมีปุ่มสลับสัญญาณเสียงจากคอมพิวเตอร์และสัญญาณอินพุทย์จากด้านนอกได้เลย เพื่อให้คุณตี้สามารถสลับฟังเพลงจาก iPhone และคอมพิวเตอร์ได้ง่ายๆครับ
ต่อไปก็เป็นการหา Sweet Spot หรือจุดที่เราจะฟังเพลงครับ โดยเอาระยะจาก กลางดอกลำโพงจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่งครับ แล้วใช้ความยาวนั้นวัดจากกลางดิดไปที่จุดนั่งครับ แล้วก็ขยับจุดที่เรานั่งตามครับ หรืออยากนั่งไกลขึ้นก็ปรับลำโพงให้กว้างขึ้นครับ แต่การขยับจุดนั่งน่าจะง่ายและสะดวกที่สุดครับ
ต่อไปเข้าสู่กระบวนการตั้งเสียงหรือการ Calibrate Monitor ที่เราทำกันเป็นประจำครับ เพื่อให้ได้เสียงในระดับที่เหมาะสมที่สุดในการฟังเพลงครับ
ติดตั้ง V-PAD บนเพดาน
เอาละเมื่อจัดการกับอุปกรณ์เสียงเสร็จแล้ว ต่อไปก็มาจัดการปัญหาเรื่องห้องกันบ้างครับ จากที่ข้างต้นได้อธิบายกันไปแล้วว่าปัญหาหลักๆของห้องนี้คือ ผนังที่สูงและกว้างครับ จึงทำให้เสียงลอยและกระจายไปทั่วห้อง โดยเริ่มต้นถ้าเรานำตัว BASS-TRAP มาใช้ที่มุมห้องอาจจะไม่ค่อยได้ยินอะไร เราจึงต้องแก้ปัญหาหลักเพื่อให้จุดที่เราฟังนั้นดีขึ้นซะก่อน ไม่รอช้าหยิบเจ้าตัว V-PAD จิ๋วแต่แจ๋ว มาติดบนเพดานด้านบนด้านหน้าตรงจุด Sweet Spot กันก่อนเลย โดยผมติด ถึง 8แผ่น เพื่อลดการกระจายเสียงในจุดที่เรานั่งให้ได้มากที่สุดครับ โดยเจ้าตัวนี้ขอดีคือมีน้ำหนักเบาติดตั้งง่ายมากครับ
ติดตั้ง D-PAD ที่ผนังทั้งสองด้าน
คราวนี้พอแก้ปัญหาเพดานได้แล้วเราจะสามารถได้ยินเสียงชัดมากขึ้น ไม่กระจายเหมือนตอนแรกแล้วคราวนี้ก็แก้ปัญหา การสะท้อนจากด้านข้างบ้างครับ โดยผมเลือกใช้ตัว D-PAD โดยติดเป็นแนวตัง ทั้งสองฝั่งครับ โดยติดเฉพาะจุดที่ลำโพงสะท้อนไปโดนเท่านั้นครับ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดครับ จุดไหนไม่สะท้อนก็ไม่ต้องไปติดมัน
ติดตั้ง BASS-TRAP ไว้ที่มุมห้องด้านข้างทั้งสองด้าน
สุดท้ายคราวนี้พี่ใหญ่ BASS-TRAP ที่มุมห้องเพื่อให้เสียงเบสไม่ลอย ชัดเจนตรงประเด็นขึ้น โดยผมเลือกติดด้านละสองตัวครับ เพราะผนังค่อนข้างสูงที่เดียวครับ
เมื่อติดตั้งครบแล้ว ก็ต้องขอแนะนำการใช้งาน ข้อควรระวัง และเรียนรู้พื้นฐานการเซ็ตอัพด้วยตัวเองเบื้องต้นครับ เพื่อให้เข้าใจและสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เผื่อว่าในอนาคตอยากเปลี่ยนตำแหน่งจุดวาง หรือต้องการเพิ่มเติมและปรับเปลี่ยนเซ็ตให้เหมาะสมตามวาระต่างๆครับ มาติดตั้งกันทั้งที่ ตามคอนเซ็ปก็ต้องให้เรียนกันซักนิดครับ
เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย ฟินกันไปครับ ผมเองยังฟินเลย อยากมีแบบนี้บ้างซักชุดจัง ยังไงต้องขอขอบคุณ “คุณตี้” มากๆครับที่ให้โอกาสผมและทีมงานได้ไปติดตั้งให้ครับ
เราจะเห็นได้ว่าอุปกรณ์สตูดิโอเสียงไม่จำเป็นต้องเฉพาะสำหรับคนทำเพลงเท่านั้น แต่ในมุมมองของคนฟัง ที่อยากได้ยินเสียงจริงๆ จากศิลปิน ที่เขาต้องการให้เราได้ยินเพลงเป็นอย่างไร โดยที่เสียงไม่ได้ถูกปรุงแต่งจากการ Color ของ EQ หรือการปรับแต่งโทนจากลำโพง เพื่อให้เพลงไพเราะขึ้นนั้น เป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆครับ ที่นี้แทนที่จะวัดกันที่เครื่องเสียง ก็มาวัดกันที่ไฟล์เพลงแล้วครับ คราวนี้ก็สนุกกับการหาไฟล์เพลงที่มีรายละเอียดสูงมาฟังกันเลย ยังไงต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ วันนี้ลาไปก่อน พบกันใหม่คราวหน้าครับผม
บทความโดย
อาจารย์นับ อินเอียบีท