เทคโนโลยี... 'ดีเจมิกเซอร์' จากโลกอนาคต!!

กระแทกวงการอุปกรณ์ดีเจโลกอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่อุปกรณ์ไกลตัว แต่มันคือ 'ดีเจมิกเซอร์' ที่เราใช้กันอยู่เป็นประจำนี่เอง เมื่อดีเจ 'อัจฉริยะ' อย่าง Richie Hawtin ร่วมมือกับ Andy Rigby Jones ผู้เป็นทั้งเอ็นจิเนียร์และนักออกแบบหลักของแบรนด์ Allen&Heath

ร่วมกันสร้างอนาล็อกดีเจมิกเซอร์รูปแบบใหม่ ภายใต้ชื่อ “MODEL1” ที่มาพร้อมระบบ EQ ที่ดีไซน์มาเพื่อ ศิลปินดีเจ สายอิเล็กทรอนิกส์ และระบบต่างๆ สำหรับศิลปินที่อยากจะสร้างสรรค์เสียงและเทคนิคการเล่นใหม่ๆ

เรามาดูองค์ประกอบโดยรวมของเครื่อง “MODEL1” กันครับ โดยจะไล่กันตั้งแต่ ช่องเสียบหรือ 'LINE IN' กันไปเลยว่า มีรายละเอียดอย่างไรกันบ้าง

Channel
มีแชนแนลมาให้ถึง 6 แชนแนล โดยจะมีพรีแอมส์มาให้ 3 แชนแนล เพื่อเชื่อมต่อกับ 'Turntable' ได้พร้อมกันสามตัว...หรือรวมไปถึงอุปกรณ์ดนตรีต่างๆ ที่ต้องการภาคขยายเพิ่มเติมโดยทุกช่องมาสามารถเสียบช่อง 'LINE' ได้กับ 'CDJ' ถึง 6ตัวด้วยกัน รวมทั้งยังมีช่องสำหรับเชื่อมต่อกับซาวด์การ์ด (DSUB) สำหรับเชื่อมต่อกับซาวด์การ์ดโดยมียี่ห้อดังต่อไปนี้ อาทิเช่น

Avid/Digidesign, Universal Audio, RME, Apogee, Mackie, Lynx, SSL ซึ่งส่วนใหญ่เป็นซาวย์การ์ดสำหรับงานเสียงมืออาชีพ
งานนี้สาวก Serato หรือซาวด์การ์ดค่ายอื่นๆ ยังมีหวัง แน่นอน แค่ซื้อหัวแปลงแบบพิเศษ ตามรูปนี้ ก็สามารถเชื่อมต่อ แชนแนลแต่ละไลน์ โดยไม่ต้องมานั่งเสียบสายที่ละแชนแนลอีกต่อไป

Gain
ในส่วนของตัวปรับตั้งความดังหรือ 'Gain' นั้น ให้เริ่มตั้งแต่ปิดเสียง จนถึง +10DB ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นในมิกเซอร์ทั่วไป รวมไปถึงฟังชั่นสุดพิเศษอย่าง 'Drive' ที่ให้เราสามารถ บูทเสียงให้อุ่นและหนาขึ้นได้

Equaliser
คุณจะไม่มีวันเห็น 'EQ' แบบปรกติอย่างที่เรารู้จัก LOW MID HI บนเจ้าเครื่องนี้แน่นอน เพราะย่าน 'HI' ถูกแทนที่ด้วย 'Low Pass Filter' เพื่อการตัดแต่ไม่ใช่การเพิ่ม และย่าน 'Low' ถูกแทนที่เช่นกันด้วย 'Hi Pass Filter' คราวนี้มาถึงส่วนที่แปลกตา และเซอร์ไพรส์ที่สุดคือ ย่าน 'MID' กลับให้ ปุ่มหมุ่นที่สามารถปรับเลือกย่านความถี่ และปุ่มปรับเพื่อเพิ่มหรือลดย่านเสียงได้อย่างอิสระ โดยสามารถปรับย่านเสียงในช่วงตั้งแต่ 70Hz - 7000Hz

CUE Headphone
สำหรับความพิเศษในส่วนของ 'CUE Headphone' นั้นจะมีช่องเสียบมาให้ถึงสองชุด ชุดละสองช่อง คือสามารถเสียบและปรับความดังของหูฟังและบาลานซ์ แยกกันได้เลย เหมาะสำหรับดีเจสองคนเล่นพร้อมกัน ต่างคนสามารถตั้งความดังและบาลานซ์ หูฟังของตนเองได้อย่างเต็มที่
Filter Master
สำหรับ Filter นั้นจะมีมาให้สองตัวคือ Low Pass Filter และ Hi Pass Filter โดยมีปุ่มปรับแยกมาให้เลย และมี Resonance สำหรับเพิ่มความดังในจุดที่ตัดย่านเสียงได้ด้วย และมีสวิตซ์เพื่อเปิดใช้งานในแต่ละแทรคแยกกันเลย
AUX/Return
'Send' และ 'Return' นั้นก็ให้มาอย่างละ 2 สเตอริโอ IN และOUT ให้เราสามารถเสียบ External เอฟเฟกที่ชื่นชอบได้ ยกตัวอย่างเช่น Delay, Reverb ที่เป็นฮาร์ดแวร์

Three-Band Master EQ
ความพิเศษของเจ้าตัวนี้คือ มี EQ LOW MID HI มาไว้ที่มาสเตอร์ สามารถปรับแต่งความถี่รวมของเสียงทั้งหมดที่ออกมาที่มาสเตอร์ได้เลย ซึ่งทำให้เราสามารถควบคุมโทนเสียงโดยรวมของเสียงที่ออกไปจากมิกเซอร์ได้ง่ายและชัดเจนขึ้น
Two-Band Booth EQ
โดยทั้งนี้ทั้งนั้นขนาดช่อง Master ยังให้ EQ มาแล้ว ช่องออก Booth ยังใส่ EQ LOW และHI มาให้ด้วย

Link Out
นอกจากนี้ยังดีไซน์ให้สามารถเชื่อมต่อมิกเซอร์สองตัวให้ทำงานร่วมกันได้ แล้วยังไงละ? ตัวอย่างเช่น แทนที่จะต้องจะต้องส่งสัญญาณทั้งสองมิกเซอร์ไปที่ 'มิกส์กลาง' เราสามารถใช้ Master Gain และ Booth Gain ของเครื่องใดเครื่องนึ่งเป็นตัวหลักในการตั้งค่าได้เลย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นความสามารถโดยรวมของเจ้าตัวนี้ครับ ส่วนในเรื่องของเสียง ถ้าใครเคยสัมผัสเสียงจากผลิตภัณฑ์ของ Allen&Heath ซีรีย์สูงๆอย่าง XONE92
เจ้าตัวนี้ไม่ทำให้ท่านผิดหวังในเรื่องของซาวด์แน่นอน ในส่วนราคา สนนราคาคร่าวๆ 3,000 ยูโร เมื่อรวมภาษีแล้ว หรือประมาณ 120,000 บาท นั้นเอง ราคาก็ใกล้เคียงกับมิกเซอร์รุ่นใหญ่ๆอย่าง XONE DB4 ด้วย
โดยรวมแล้วก็อาจจะทำให้หลายคน ไม่คุ้นตากันบ้างครับกับเจ้าตัวนี้ และอาจจะดูว่าเล่นยาก แต่ทางผู้ผลิตก็ได้บอกไว้ว่า อยากเห็นผลิตภัณฑ์ดีเจ ที่ทำให้ผู้เล่นสามารถใช้งานได้ลึกขึ้น และสร้างสรรค์ขึ้นกว่ารูปแบบเดิมๆที่เคยเล่นกันมา เพื่อให้เข้ากับเทคโนโลยีใหม่ๆที่มีให้เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้... เพราะฉะนั้นลองนึกถึงตอนที่เราหัดเล่นดีเจครั้งแรกดูสิ ทุกท่านอาจมึนกับการใช้เจ้า LOW MID HI บน EQเช่นกัน แต่สุดท้ายเมื่อเข้าใจก็สามารถใช้ได้อย่างง่ายดาย ส่วนตัวผู้เขียนบอกตรงๆว่า มันจะทำให้ข้อจำกัดในการมิกส์เพลงเปลี่ยนไปแน่นอน ใครที่ชอบสร้างสรรค์จังหวะใหม่ๆในการเล่นแบบ 2 DECK ขึ้นไป และต้องใช้การปรับแต่ง EQ เยอะๆ ตัวนี้สนุกแน่นอน
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านกันนะครับ ผมกันใหม่คราวหน้ามีข้อมูลอัพเดทใหม่ๆมาฝากกันแน่นอน ลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ
4/05/2016
อาจารย์ นับ อินเอียบีท