top of page

เทคนิคการเลือก USB Hub สำหรับดีเจและโปรดิวเซอร์ (แบบมีปลั๊กเสียบหรือไม่มีดีกว่ากัน?)


USB HUB INEARBEAT

มาในยุคดิจิตอลดีเจ หลายคนมักจะมีอุปกรณ์ไฮเทคคู่ใจไม่ว่าจะเป็น KeyBoard Controller หรือ SoundCard ขนาดพกพา สำหรับเล่นหรือจะเอาไว้ทำเพลงนอกสถานที่ มีตัวเดียวบ้างหรือหลายตัวแล้วแต่ความชื่นชอบของแต่ละคนครับ บางครั้งการต่อเชื่อมระหว่างอุปกรณ์ต่างๆเหล่านั้น กับMacbook ของคุณอาจจะมีปัญหาโลกแตก เกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ช่องเสียบ USB ไม่พอที่จะต่อกับอุปกรณ์ทั้งหมด หรือ เสียบController แล้วไฟเลี้ยงไม่พอ ทำให้มองไม่เห็นอุปกรณ์หรือไม่สามารถใช้อุปกรณ์เหล่านั้นได้ ปัญหาต่างๆเหล่านี้ USB Hub สามารถมาแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ครับ แต่ว่าเราจะมีวิธีการ Set-Up อุปกรณ์ต่างๆ กับ USB Hub แบบไหนดี ตัวไหนควรต่อ Hub ตัวไหนควรต่อตรงกับ MacBook จึงเกิดเป็นคำถามขึ้นมาครับ เนื่องจาก อุปกรณ์ที่เราใช้ไม่ว่าจะเป็น KeyBoard หรือ Controller หรือ อุปกรณ์ดีเจต่างๆนั้น แต่ละตัวใช้ไฟไม่เท่ากัน สำหรับดีเจ โปรดิวเซอร์อย่างเราเลยจำเป็นต้องมาศึกษาขอมูลเรื่องนี้กันครับ

USB HUB INEARBEAT

ทำความเข้าใจ USB Port และ อุปกรณ์ต่อเชื่อมประเภท Controller

ก่อนที่จะมาคุยกันเรื่อง Hub มาคุยกันเรื่อง USB Port ก่อนดีกว่าครับ โดยปกติ USB2.0 Port นั้นจะสามารถส่งไฟเลี้ยงได้ถึง 450-500 mA ( มิลลิแอมป์) สำหรับอุปกรณ์ต่อเชื่อมจำพวก External HDD/ SoundCard/ Controller นั้นไฟระดับนี้เพียงพออยู่ครับ แต่อุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่มีความสามารถปรับแต่งระบบเสียงได้หรือ มีการแสดงผลไฟ LED สีฉูดฉาด ยกตัวอย่าง Kontrol S8 หรือ Pioneer DDJ SX2 นั้นต้องการไฟเสริมแยกครับ

USB MACBOOK

เรามาลิสต์อุปกรณ์ต่อเชื่อมและขนาดของการใช้ไฟดังนี้ครับ

  • DJ Controller ขนาดเล็ก (Kontrol X1,Midi Fighter, LaunchPad,Akai Mini,Allen & Heath : K1) ใช้ไฟขนาด 100 mA

  • All in One Controller ที่มี Soundcard ในตัว (Kontrol S2/ S4,Allen&Heath: K2)ใช้ไฟขนาด 450 -500 mA

  • SoundCard ขนาดเล็ก (Audio 4DJ) : ใช้ไฟขนาด 200 mA

  • SoundCard ขนาดใหญ่ (Audio 10,Presonus - Audio Box) : ใช้ไฟขนาดมากกว่า 500 mA ขึ้นไป

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราทราบหรือไม่ว่า Controller ของคุณกินไฟขนาดไหน สำคัญมากนะครับ สำหรับมืออาชีพในยุคดิจิตอลมิวสิค เนื่องจากคำถามนี้จะส่งผลไปถึงคำถามที่ว่า แล้ว USB Hub ของคุณจะเป็นแบบไหน ใช้ไฟต่อเพิ่มหรือไม่ครับ

USB PORT

ทำไมเราต้องใช้ USB Hub ?

ปัจจุบัน Macbookของเรา นั้นมี USB เหลือเพียงแค่ 2 หรือ 3 ช่องเท่านั้น ซึ่งเพียงพอสำหรับดีเจโปรดิวเซอร์ที่ ใช้ Controller ที่มาพร้อมกับ Sound Card ในตัว (Allen&Heath: K2) แต่สำหรับดีเจที่ใช้อุปกรณ์ต่อเชื่อมมากกว่า1 ชิ้นเช่น External SoundCard + Controller 2 ตัว หรือต่อ CDJs 4 ตัว ซึ่งจะเห็นว่าช่อง USB ไม่พอแล้วครับ

USB Hub จึงเข้ามามีบทบาทในการเพิ่มช่องให้กับ USB Port ของเรา ทำให้เราเสียบอุปกรณ์ได้เพิ่มชิ้นขึ้น แต่สิ่งที่เป็นปัญหาตามมานั้นก็คือในแต่ละ Port ของ Hub นั้นแชร์หรือแบ่งการใช้พลังงานออกมาเท่าๆกันครับ ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีUSB Hub 4 Port แบบไม่มีปลั๊กเสียบไฟเพิ่ม และแต่ละช่องเราเสียบอุปกรณ์ ครบทั้ง4 ช่อง จะเห็นได้ว่า USB Hub แบบนี้สามารถส่งไฟได้ไม่ถึง 450 mA เท่านั้น เรามาจำลองสถานการณ์ดูครับ

  • ช่องที่ 1 เราเสียบ X1 (150 mA)

  • ช่องที่ 2 เราเสียบ X1 (150 mA)

  • ช่องที่ 3 เราต่อ Midi Fighter (100 mA)

  • ช่องที่ 4 เราต่อ Soundcard ขนาดเล็กอย่าง Audio 4 (200 mA)

ปรากฏว่า พลังงานที่อุปกรณ์ต้องการใช้จริง มากกว่า ที่ USB Hub จะส่งพลังไฟมาให้ได้ (ส่งได้แค่ ไม่เกิน 450 mA แต่ต้องการใช้จริง 600 mA) ส่งผลให้อุปกรณ์ทั้งสี่ตัว ไม่สามารถทำงานได้เลยครับ หรือ ใช้งานได้แค่บางตัวเอาหล่ะครับ เราจึงเริ่มเห็นความสำคัญของ USB แบบสามารถต่อไฟเพิ่มได้ มีบทบาทขึ้นมาทันทีครับ

USB Hub แบ่งออกเป็นสองแบบ Powered(เสียบไฟ) กับ UnPowered(ไม่เสียบไฟ)

USB POWERED or UNPOWERED

UnPowered USB Hub เป็นHub ที่ไม่มีช่องเสียบไฟเพิ่ม โดยจะรับไฟตรงจากช่อง USB ที่มาจาก Macbook ของเราครับ จะเห็นว่าเหมาะสมกับการเชื่อมต่อง่ายๆ ต่อกับอุปกรณ์ขนาดเล็กแต่ละตัวไม่ควรใช้ไฟเกิน (125 mA) โดยจะสามารถส่งไฟทั้งหมดไม่เกิน 500 mA โดยแชร์พลังงานระหว่างอุปกรณ์ที่เสียบต่อในแต่ละช่องครับ

Targus USB Hub

Belkon USB Hub

อินเอียบีท | แนะนำ USB Hub แบบ UnPowered ของ Targus หรือของ Belkin ก็ได้ครับ

Powered USB Hub เป็น Hub ที่มี Power Supply หรือเต้าเสียบแถมมาให้ใน Package เลยครับ เมื่อเราใช้งานโดยเราเสียบปลั๊กทำให้สามารถส่งไฟไปยังช่อง(Port) แต่ละช่องโดยมีไฟถึง 500 mA ในแต่ละช่องเลยทีเดียว Hub แบบนี้จึงเหมาะสมกับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ที่ใช้ไฟมาก หรือใช้ LED แสดงผลมาก ยกตัวอย่างเช่น เอามาเชื่อมต่อกับ Ableton : Push ครับ แต่ถ้าเรานำ Powered Hub มาใช้แบบไม่เสียบไฟหล่ะ (ช่างมีคำถามซะจริง) คำตอบก็คือในช่องต่อแต่ละช่องก็จะส่งไฟแบบแชร์กันไม่เกิน 500 mA ครับ

61VibW3XVFL._SL1394_.jpg

อินเอียบีท | แนะนำให้ใช้ Powered Hub ของ D-Link Dub H7 ครับ

!! สิ่งที่จำเป็น และ เคล็ดไม่ลับ สำหรับชาวอินเอียบีท ที่ต้องรู้

Soundcard ที่มีการเชื่อมต่อของอุปกรณ์มากกว่า 1 ตัว เช่นเสียบ ไมค์ 2 ตัว เสียบ Monitor เสียบหูฟัง แนะนำให้ใช้ ช่อง USB ต่อตรงจากเครื่องคอมพิวเตอร์หรือ Macbook ของเราจะดีกว่าครับ เนื่องจาก Soundcard นั้นส่งข้อมูลและใช้งาน Bandwidth ที่มากกว่า MIDI Controller การเชื่อมต่อระหว่าง SoundCard และ USB Hub นั้นจะไปเพิ่มค่า Latency และคุณภาพของเสียงของSoundCard นั้นจะตกลงครับ

focusrite-scarlett-2i2-front-back.jpg

สรุปว่าเพื่อความเป็นมืออาชีพ และลดปัญหาที่จะเกิดตามมา เราควรจะต่อ Soundcard โดยต่อตรงกับคอมพิวเตอร์ ส่วน MIDI Controller ตัวอื่นเสียบผ่านUSB Hub ได้ครับ หรือจะหา SoundCard ที่เป็น USB Hub มาใช้ก็ได้นะครับ อย่างของอาจารย์บางท่านที่อินเอียบีทใช้ ตัวนี้ครับ Novation Audiohub (SoundCard + USB Hub)

Novation-Audiohub-2-x-4-640x360.jpg

ก่อนที่จะซื้อ USB Hub แนะนำว่าลองอ่านรีวิวดูก่อน ตรวจสอบสเปกของตัวที่สนใจ หรือ เลือกตัวที่เราแนะนำไปในบทความนี้ดูก็ได้ครับ ส่วนเพื่อนๆคนไหนมี USB Hub อยู่แล้วใช้แล้วเยี่ยม ลองแนะนำ หรือ ให้คอมเมนท์ด้านล่างดูครับ เพื่อเป็นความรู้กับผู้อ่านท่านอื่นๆครับ

Cr. B&H Audio , DJTechtool, Amazon

Featured Posts
Recent Posts
Archive
Search By Tags
Follow Us
  • Facebook Basic Square
  • Twitter Basic Square
  • Google+ Basic Square
bottom of page