top of page

“Glitch” จังหวะสุดล้ำของสาย “อนิเมะ”


จริงๆแล้วคำว่า “Glitch” นั้นมาจากรากศัพท์ของความบกพร่องที่เกิดกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ คือจะคล้ายๆ คำว่า “Bug” หรือ “Error” นั้นแหละครับ ส่วน Glitch Music นั้นจะเป็นสไตล์ของดนตรีอิเล็กทรอนิก ที่ปรากฎขึ้นในยุคปี 90 โดยดนตรีแนวนี้ถูกเราจะนิยามว่า “ศิลปะแห่งความผิดพลาด” ซึ่งก็เหมือนในความหมายของมันนั้นเอง.. สำหรับองค์ประกอบที่สำคัญของ Glitchนั้น จะเป็นเสียงประมาณพวกเครื่องบันทึกเสียงพังๆ..แผ่นเสียงตกร่องหรือเครื่องอัดทำงานผิดพลาดอะไรประมาณนั้น หรือไม่ก็เป็นแบบพวกเครื่อง อิเล็กทรอนิกไปเลย เช่น แผ่นซีดีแบบหัวอ่านติดๆขัดๆ(แบบโฆษณาโซเค่น) หรือเสียงไฟฟ้าจี่(Electronic Hum/Main Hum) เสียงบิดเบี้ยวของสัญญาณดิจิตอลหรืออนาล๊อก (Digital/Analog Distortion) การลดอัตราBitrateของเสียง และเสียงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกอื่นๆ ในปี2000 นิตยสาร Computer Music Journal ได้วาง Glitch เป็นลูกๆของดนตรีแนว Electronica และในปัจจุบัน เราจะพบว่า Glitch เองก็ยังพัฒนามาอีกจนมี Glitch Hop..Two Glitch และอื่นๆ ซึ่งแบบไหนเป็นอย่างไรบ้างนั้นวันนี้เราจะไปดูที่มาที่ไปตลอดจนวิวัฒนาการของดนตรีแนวนี้กันครับ

จุดกำเนิดของ Glitch

ศิลปะที่ว่าด้วย “Glitch”นี้ เมื่อลองแกะร่องรอยดูแล้วจะพบว่าย้อนไปไกลถึงช่วงต้นๆศตวรรษที่ 20(1990-2000) ถือกำเนิดโดยนักวาดภาพและนักแต่งเพลง ชาวอิตาลีที่ชื่อว่า Luigi Russolo เข้าเป็นผู้ที่ชื่นชอบในการทดลองอุปกรณ์ดนตรีแปลกๆ โดยเฉพาะเสียง สัญญาณแทรก เสียงรบกวนต่างๆ จนถึงขนาดแต่งหนังสือ The Art of Noises และยิ่งไปกว่านั้นยังให้นิยามดนตรีแนว Noise Music อีกตั้งหาก!! หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีนักดนตรีและนักแต่งเพลงอีกหลายคนหันมาใช้ พวกนี้เหมือนกัน โดนเฉพาะประเทศที่บ้าเทคโนโลยี่อย่างญี่ปุ่น คุณปู่ Yasunao Tone เขาเกิดไอเดียเก๋ๆใช่แผ่นซีดีเสียๆ (พวกที่มีรอยขูดขีดทั้งหลาย) มาสร้างสรรค์งานศิลปะทางดนตรีที่มีชื่อ Techno Eden (1985)

และดนตรีแนวนี้ยังถูกต่อยอดและทดลองแบบอื่นๆ....โดยเฮีย Yuzu Koshiro ที่นำเอาเสียงจากเกมส์ Streets of Rage 3(สมัยเครื่องเมกาไดรฟ์) มาสร้างเป็นเพลงอีก..จากนั้นในปีเดียวกัน Glitch ก็ยังนิยมในเยอรมันและแพร่หลายมาจนถึงปัจจุบัน

ว่ากันด้วยเรื่อง Glitch Hop

ถ้าดูจากชื่อก็น่าจะพอๆเดากันได้ว่า ดนตรีนี้ มีแนว Glitch และ Hip hop ผสมอยู่นั้นเอง ดนตรีแนว Glitch Hopนี้เติบโตขึ้นที่เยอรมัน ประมาณ 1990 โดยเทคนิคแล้วก็นำเสียงของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกและดิจิตอล ที่เต็มไปด้วยเสียงแทรกเสียง noicseและเและโดยเฉพาะเสียงกระแสไฟฟ้า และที่แน่ๆคือมันน่าสนใจมากขึ้นเมื่อใส่ความเป็นHip Hopผสมลงไป และด้วยความที่มันเกาะมากับเทคโนโลยี่ ดนตรีแนวนี้จึงพัฒนาอย่างรวดเร็วตามรูปแบบของยุคดิจิตอลที่วิวัฒนาการก้าวหน้าไปอย่างไม่หยุด และปัจจุบันก็ได้รับความนิยมอย่างสุดๆ ถึงขนาดแย่งชิงสาวกแนว Dubstepมาได้เยอะเลยทีเดียว!! อย่างที่บอกความเกี้ยวกราดของ การฟาดด้วยกระแสไฟฟ้าและบิดเบี้ยวของเสียงดิจิตอล นั้นหมายถึงดนตรีแนวนี้มันค่อนข้างจะทรงพลังอยู่มาก..มันเทพสุดๆ ดนตรีแนวนี้เหมือนเป็นดนตรีแห่งยุคอนาคต

Featured Posts
Recent Posts
Archive
Search By Tags
Follow Us
  • Facebook Basic Square
  • Twitter Basic Square
  • Google+ Basic Square
bottom of page