15 วิธีที่ทำให้ Skrillex เปลี่ยนโลก!! (ตอนแรก)
ช่วงเวลาดังเป็นพลุแตกของศิลปินนั้นส่วนใหญ่มักจะสั้นจิ๊ด แต่สำหรับ Skrillex ชายหนุ่มตัวเล็กๆ ผู้ที่เปลี่ยนแปลงโลกดนตรีอิเล็คโทรนิกของอเมริกา ช่วงเวลาของเขากลับยาวนานเกินกว่าที่ใครคาดคิดไว้ นับตั้งแต่ลงปกนิตยสาร Rollingstone จนกินไปถึงช่วงเทศกาลดนตรีใหญ่ๆ ดาวเด่นจากงานดนตรี Miami’s Ultra บัลลังค์ของเจ้าชาย Skrillieนั้นช่างทรงพลังและสุดจะคาดเดา นี่เจเนอเรชั่นที่ให้นิยามดั่ง “Pied Piper”(ชายผู้เป่าขลุ่ยสะกดฟูงหนูให้เดินตาม) แต่ก่อนที่ดาวรุ่งจะพุ่งล่วงนั้น เรามาสะท้อนดูว่า “เจ้าปีศาจน้อยผมเป๋” เปลี่ยนหน้าตาสังคมป๊อปอเมริกันไปได้อย่างไร
15.เขาคือ“ตัวจิ๊กซอร์ตัวสำคัญ”ระหว่างเจเนอร์เรชั่นสู่เจเนอร์เรชั่น
Skrillex กลายมาเป็น “ป๋าดัน” ของดนตรีแนวอิเล็กทรอนิคแดนซ์ (EDM)ไปสู่เด็กทุกคน....ซึ่งจะทอดสะพานเชื่อมกับไปตั้งแต่สมัยที่เป็นเแก่นนำขับเคลื่อนวัฒนธรรมวัยรุ่นในยุค1990 - 2000 จากแนวGoth(อ่านว่า “ก็อธ” ซี่งเป็นกลุ่มที่ได้รับอิทธิพลมากจากดนตรีแนว industrial ต้องแต่งชุดำและย้อมดำทั้งชายและหญิง แล้วก็เปลี่ยนเป็น Alternative rock(ประมาณโมเดรินด๊อก) แล้วไป Electronica จนถึง Emo (ซึ่งแนวนี้จะคล้ายGothแต่จะเศร้าและดาร์กกว่า) Skrillex เป็นที่รู้จักต่อคนภายนอก ในฐานะคนโบกสะบัดธง!! ของการปฎิวัติวัฒนะธรรมวัยรุ่น และหลังจากที่คนจดจำได้มากขึ้น จนอยู่ๆเขาก็กลายเป็ยฑูตไปเลยจริง โดยเริ่มด้วยการไปเป็น มือกีตาร์แนวพังค์ใน L.A. ให้ซุปเปอร์สตาร์ผู้ต่อต้านพระเจ้าอย่าง Marilyn Manson ซึ่งทำให้เขากลายเป็นเด็กน้อยอายุ15 ที่ดังขนาดมีคนกรี๊ดตั้งแต่หน้าเวทียันจนสุดเวที และเพียงไม่นาน Skrillexก็เซ็นสัญญากับค่าย Atlanticในฐานะศิลปินเดี่ยว...ปล่อยงานเพลงแนว Electro-pop โดยใช้ชื่อจริงของเขาเอง(Sonny Moore) และสุดท้ายตัวเขา..เกิดไปหลงรักผลงานของ Aphex Twin พี่น้องเจ้าของแนวดนตรีอิเล็กทรอนิก บวกกับแรงบันดาลใจที่ได้รับมาจาก “ ดีเจ12th Planet”(John Dadzie) แชมป์ดีเจDupstep และ “ดีเจ Dr.P” (Shaun Brockhurst) ดังนั้นเขาจึงพัฒนา “Skrillex Project” ขึ้น!! โดยตัวเขาใส่ดนตรีแนวดาร์ก(สไตล์ถนัด) และเพิ่มสิ่งต่างๆที่กระแทกใจคนดูมากขึ้น เพียงไม่นานนักผลงานของ Skrillex ได้เข้าสู่อันดับของ Beatport Chart (ชาร์ทเพลงแนวอิเล็กทรอนิกที่ดังสุดๆ)..ติดอันดับจากนั้นมาจนถึงปัจจุบัน!!
14. เขาหาเงินได้เยอะ
Skrillex ทำเงินจากทัวร์ได้อย่างน่าอิจฉา ยอดวิวจาก youtube ก็เยอะมาก..เป็นร้อยล้าน พันล้าน และยิ่งไปกว่านั้นความสำเร็จจากค่ายเพลงที่เขาตั้งขึ้นเองอย่าง OWSLA ยังช่วยให้วงการ Electronic dance ของอเมริกาโตขึ้นมาก กลายเป็นโครงการทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว!! จริงๆไม่เฉพาะยอดขายทำนั้น Skrillexยังพิสูจน์ได้ว่าเขาคือคนที่ "ปลุก"ให้เหล่าเจ้าของค่ายทั้งหลายให้ตื่นขึ้น!! ให้พวกนั้นเห็นว่าสำหรับวงการ EDM คุณไม่ควรที่จะปฏิเสธเดโม่ของเด็กวัยรุ่น เพราะพวกเขา..เป็นเสมือนเพชรในโคลนตม ที่ต้องถูกเจียรไน!!
13. เขาเป็นหน้าเป็นตา ให้กับดนตรีแนว EDM
เหมือนกับที่ Moby(Richard Melville Hall)สุดยอดนักร้อง,นักแต่งเพลงและดีเจ ผู้ที่เคยมอบสีสันใหม่ให้กับอเมริกาในยุค90’ ด้วยเพลงเทคโน,เรฟ(Rave)และอิเล็กทรอนิกก้า และในยุคนี้เราจะเห็น Skrillex เป็นเหมือนร่างทรงของดนตรี EDM โดยจะเห็นหน้าเขาบ่อยๆตามปกนิตยสารในฐานะ ตัวแทนของอิเล็กทรอนิก แดนซ์ มิวสิก แต่รูปแบบการสร้างความนิยมของเขาเองนั้น ถ้าลองเอามาเปรียบกับ Moby ตัว Mobyเองจะประมาณว่าชอบสร้างกระแสให้ตัวเองเป็นที่น่าจดจำ!! แต่สำหรับSkrillexแล้ว เขากลับไม่ทำตัวเป็นMemeที่น่ารำคาญ เขาจะซุ้มซ้อมเก็บตัวเพื่อรอเปิดตัวทีเดียวเมื่ออัลบั้มเสร็จสมบูรณ์
12. เขาเป็นตัวแทนของดนตรีอเมริกา ที่เอาชนะอังกฤษได้!!
เขาสร้างอนาคตใหม่ของวงการแดนซ์มิวสิค Skrillex กลายเป็นศิลปินชาวอเมริกาคนแรกที่ทำให้อังกฤษสามารถหันมามอง อเมริกาทั้งด้านวัฒนธรรมและกระแสนิยมได้!! ซึ่งไม่ใช่แค่งานเพลงเท่านั้น ถึงแม้ว่า ครั้งหนึ่งในนิตยสารสุดฮิต อย่างนิตยสาร Guardianของอังกฤษ เคยกล่าวประนามSkrillexว่า “เขาคือชายหนุ่มที่โดนคนเกลียดมากที่สุดของวงการดับสเต็ป” แต่ถึงกระนั้นศิลปินอังกฤษแท้ๆอย่าง Skream (เจ้าพ่อดับสเต็ปอังกฤษ) กลับแสดงความนับถือและปกป้อง Skrillex แถมยังไม่พอ ช่วยด่าคนที่เขียนบทความอีกด้วยว่า “นี่เป็นการกระทำที่ ไร้สาระและน่าสมเพชที่สุด ”
11. เขาเป็นผู้ทำให้ “แผ่นเสียง” หมดความหมายไปเลย
จากความโด่งดังอย่างฉุดไม่อยู่ของศิลปินคู่อย่างDarftpunk..ทำให้ตัวSkrillexเองมีความพยายามที่จะทำอะไรให้มากกว่าการแสดงแค่เทคนิดดีเจเฉยๆ ที่ผ่านมาดีเจคนอื่นอาจจะแต่งตัวให้น่าสนใจ..ไม่ว่าจะสวมหมวกหุ่นยนต์ หรือปิดบังหน้าด้วยหน้ากาก แต่สำหรับ Skrillex ค้นพบเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่พิเศษมากๆ เขามีลีลาการกระโดดโลดเต้นที่เหมือนถั่วแมกซิกัน!! และไหนจะท่าทุบกำปั้น หรือสะบัดแขน และโบกมือขึ้นกลางอากาศ!! และกระทั่งการเล่นกับไมโครโฟน แต่คงไม่มีอะไรแล้วที่สำคัญเท่า..ทุกการเคลื่อนไหวของSkrillex เขาลงลึกไปกับดนตรีอิเล็กทรอนิค!! และนั้นคือที่มาของคำว่า “การแสดงสดที่สุดยอด!” มันส่งพลังไปทั่วทุกพื้นที่งานแสดง และทั้งเขาทั้งคนดูรวมกันเป็นหนึ่งเดียว!!
10. ภาพ “ดับสเต็ป”ที่เขาสื่อออกมา มันไม่ “สกปรก” เลยสักนิด
ในยุค 2000 สำหรับดนตรีดับสเต็ป มันมักจะหมายถึง “จังหวะปวดตับ” เพลงที่เปิดในคลับกระจอกๆ เต็มไปด้วยภาพควันกัญชาลอยล่อง แต่ Skrillex ชำระล้างมันใหม่หมดจด ดับสเต็ปในยุคSkrillex จะอารมณ์ประมาณว่า ถ้าจะมีเด็กน้อยละอ่อนวัยสิวเขรอะสักคน... ต้องการจะพิสูจน์ตัวเองว่า "เขาไม่ใช่พวกนูป(มือใหม่)" สำหรับนักดนตรีแล้วละก็..เด็กน้อยคนนั้นก็แค่กระซิบออกมาเบาๆว่า “เด๋วเจอเบสกู”
9. สร้างความฮิตให้ด้วย “The drop” (หรือที่แรกว่าช่วง Climaxนั้นเอง)
Skrillex ช่วยสร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้ Dubstep จากเดิมที่เคยเป็นจังหวะเบสระรัวชวนมวนท้อง... ประหนึ่งถูกจับให้นั่งอยู่บนรถไฟเหาะตีลังกา!! ให้กลายเป็นเสียงกีตาร์โซโล่แบบเท่ๆ ในยุคศตวรรษที่ 21!!
...ติดตามต่อ ในบทความหน้า
Cr- Rolling Stone website